กรมที่ดินเตรียมดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกในพื้นที่เขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ หลังแนวเขตที่ดินบริเวณดังกล่าวได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลปกครองกลาง ถือเป็นการยุติข้อพิพาททางกฎหมายที่ยืดเยื้อมานานระหว่างรฟท. และผู้ถือครองเอกสารสิทธิซ้อนทับในพื้นที่
กรณีดังกล่าวเกิดจากการที่ประชาชนบางส่วนเข้าครอบครองพื้นที่ดินบริเวณเขากระโดง และมีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนกับที่ดินที่รฟท. ถือครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาศาลฎีกาได้วินิจฉัยให้ที่ดินกว่า 5,000 ไร่บริเวณดังกล่าวเป็นของรฟท. โดยระบุว่า ผู้ครอบครองไม่สามารถพิสูจน์สิทธิที่ดีกว่าได้ จึงถือเป็นการครอบครองโดยมิชอบ
ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายืนยันว่า เมื่อศาลฎีกาตัดสินให้ที่ดินเป็นของรฟท. แล้ว รฟท. ย่อมมีสิทธิยืนยันกรรมสิทธิ์ต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่บุคคลนั้นจะพิสูจน์สิทธิที่เหนือกว่า ซึ่งไม่มีในกรณีนี้ พร้อมทั้งสั่งให้กรมที่ดินดำเนินการตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อรังวัดและสอบเขตพื้นที่ร่วมกับ รฟท.
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการที่แต่งตั้งขึ้นในช่วงแรกกลับไม่สามารถดำเนินการได้ตามคำสั่งศาล โดยอ้างเหตุผลเรื่องความเป็นกลางและความไม่ชัดเจนของแนวเขตที่ดิน ซึ่งภายหลังถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และทำให้รัฐเสียหาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
ต่อมา ในปี 2566 คณะทำงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม และพบว่า รฟท. และกรมที่ดินได้ดำเนินการรังวัดแนวเขตร่วมกันแล้วเสร็จในปี 2567 โดยแนวเขตที่รังวัดสอดคล้องกับแผนที่ที่ใช้ในการพิจารณาคดีตั้งแต่ปี 2539 ซึ่งถ่ายทอดจากแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ. 2464
ด้วยเหตุนี้ กรมที่ดินจึงมีหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิทั้งหมดที่ออกทับซ้อนในพื้นที่ดังกล่าวตามมาตรา 61 วรรคแปด แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อคืนความถูกต้องให้กับการถือครองที่ดินของรัฐ