Site icon

กัมพูชาและไทย กำลังเผชิญทางเลือก : ปล่อยให้ขัดแย้งบานปลาย หรือก้าวสู่ความเป็นผู้นำระดับภูมิภาค

โดย : อาร์โน ดาร์ค (นักธุรกิจชาวฝรั่งเศสในกัมพูชา และนักวิเคราะห์ภูมิภาค ประจำอยู่ที่กรุงพนมเปญ)

วิกฤตชายแดนกัมพูชา–ไทย มิใช่เพียงข้อพิพาทด้านภูมิศาสตร์ หากแต่เป็นช่วงเวลาแห่งการกำหนดอนาคตของความเป็นผู้นำอาเซียนในศตวรรษที่ 21

เมื่อความตึงเครียดบริเวณปราสาทตาเมือนธม ทวีความรุนแรงขึ้น และสะท้อนเหตุการณ์ปะทะ ณ เขาพระวิหารเมื่อปี 2551 ทั้งสองประเทศกำลังยืนอยู่บนทางแยกที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง รวมถึงความน่าเชื่อถือของอาเซียนในฐานะกลไกการคลี่คลายความขัดแยง

บทเรียนจากประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า : ชาติที่เติบโตแล้ว เลือกใช้ “การเจรจา” แทน “การเผชิญหน้า” เมื่อคู่แข่งกลายเป็นพันธมิตร : บทเรียนจากนานาชาติในการแก้ไขความขัดแย้ง

บทเรียนสำคัญ : ประเทศที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้ถูกจดจำจาก “จำนวนดินแดนที่ถือครอง” แต่จาก “จำนวนความขัดแย้งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้” เรื่องราวความสำเร็จของอาเซียน : หลักฐานเชิงประจักษ์

สรุป : ประเทศอาเซียนสามารถแก้ไขข้อพิพาทอธิปไตยอย่างสันติ ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่สูญเสียศักดิ์ศรีแห่งชาติ – หากผู้นำสามารถก้าวข้ามประชานิยมไปได้

ราคาที่ต้องจ่ายจาก “ความภูมิใจ”: สิ่งที่ตกอยู่ในความเสี่ยง

แม้กัมพูชาจะเสียหายในเชิงตัวเลขมากกว่า แต่ทั้งสองประเทศกำลังสูญเสียสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่า – ความน่าเชื่อถือ ความมั่นคง และบทบาทผู้นำในอาเซียน

ทางออกข้างหน้า : ยุทธศาสตร์ 5 ข้อเพื่อสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน

  1. อาเซียนควรใช้การทูตเบื้องหลัง (shuttle diplomacy) โดยมีการหารือนอกรอบอย่างเงียบ ๆ การประชุมสุดยอดอาเซียนในเดือนพฤศจิกายน 2025 ที่มาเลเซีย อาจเป็นเวทีที่เหมาะสม
  2. ทั้งสองฝ่ายควรดำเนินมาตรการสร้างความไว้วางใจแบบค่อยเป็นค่อยไป เช่น เปิดช่องทางมนุษยธรรม ข้ามแดนพลเรือน หรือจัดเวรลาดตระเวนร่วม
  3. ข้อพิพาทที่ยังไม่ได้ข้อยุติ เช่น บริเวณตาเมือนธม ควรถูกนำเข้าสู่ศาลโลก (ICJ) ดังที่เคยดำเนินการกับเขาพระวิหารและเปดรา บรังกา แม้จะมีความเสี่ยงจากแรงต้านภายในประเทศ แต่ ICJ ยังคงเป็นเวทีที่น่าเชื่อถือที่สุด
  4. ภาคประชาสังคม ควรได้รับการสนับสนุน เช่น การแลกเปลี่ยนทางวิชาการระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับ มหาวิทยาลัยราชภัฏพนมเปญ เทศกาลวัฒนธรรมชายแดน ฟอรั่มหอการค้าร่วม หรือการทูตเยาวชนไตรภาคี NGO พื้นที่ปอยเปตและอรัญประเทศควรได้รับการหนุนเสริม งบประมาณสามารถมาจากมูลนิธิอาเซียนหรือประเทศผู้บริจาค (500,000 – 2 ล้านดอลลาร์/ปี)
  5. พลิกโฉมปอยเปต – อรัญประเทศ ให้เป็นเขตเศรษฐกิจร่วมพิเศษ (SEZ) สร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบศุลกากรร่วม เพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนระยะยาว สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาความเป็นไปได้โดยได้รับการสนับสนุนจาก UNESCAP หรือ ADB

จุดตัดสินของอาเซียน : วิกฤตนี้คือบททดสอบแห่งยุค

ความขัดแย้งในครั้งนี้ เป็นเวทีทดสอบว่าอาเซียนจะสามารถเติบโตเป็นองค์กรที่จัดการความขัดแย้งได้จริงหรือไม่ หากทำได้ จะเสริมความน่าเชื่อถือของอาเซียนในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลังเผชิญอัมพาตในประเด็นทะเลจีนใต้ หากล้มเหลว อาเซียนอาจเปิดทางให้มหาอำนาจภายนอกเข้ามาแทรกแซง

หากไทยและกัมพูชายังคงแตกแยก ไม่เพียงแต่อ่อนแอทางเศรษฐกิจ – แต่จะอ่อนแอทางการทูตด้วย

เวลาแห่งความกล้าหาญ : ผู้นำที่โลกต้องการ

แม้ทั้งสองรัฐบาลมีข้อจำกัด :

แต่ปฏิทินการเมืองยังเปิดโอกาส :

บทสรุป : ทางเลือกที่นิยามอนาคต นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง “ดินแดนไม่กี่เมตร” แต่มันคือคำถามว่า ไทยและกัมพูชา จะถูกจดจำว่าเป็นประเทศที่เลือก “ปัญญาแทนความทะนง” “ความมั่งคั่งแทนสัญลักษณ์” และ “ความร่วมมือแทนความขัดแย้ง” หรือไม่เส้นทางมีอยู่จริง ตัวอย่างมีให้เห็น โอกาสทางเศรษฐกิจชัดเจน  สิ่งเดียวที่ขาด… คือ “ความกล้าที่จะก้าวนำ” ไทยและกัมพูชาสามารถเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จให้ผู้นำอาเซียนรุ่นต่อไป คำถามไม่ใช่ “สามารถเจรจาได้หรือไม่” แต่คือ “จะเลือกเป็นผู้นำหรือไม่”

อ่านข่าวอื่น ๆ :

Exit mobile version